วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

5 Step เพื่อสร้าง Viral ที่ใครก็ต้องร้อง Wow (ตอนต่อ)

ได้เวลามาต่อตอนที่ 2 ของ 5 Step เพื่อสร้าง Viral Campaign ให้เกิดขึ้นได้จริง ครั้งที่แล้วร่ายไปยาวเลยสำหรับขั้นตอนก่อน Start นั่นคือการวางแผน ที่มีถึง 7 ส่วนที่ต้องไม่ควรมองข้ามไป วันนี้เรามาต่อกับอีก 2 ข้อ นั่นคือ การทำอย่างไรให้ดูง่าย และการทำให้ดูมีชีวิตชีวาด้วย งั้นเรามาเริ่มเดินกันต่อกับการทำ Viral Marketing กันดีกว่าครับ
.
.
Step 2 “Make it simple” ต้องดูง่ายๆ สบายๆ ชิลๆ อย่าเยอะไป
.
.
สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทราบก่อน นั่นคือการใช้กลยุทธ์แบบ Viral กลไกที่สำคัญก็คือการส่งต่อ หรือบอกต่อ เรื่องราวที่ได้เห็น หรือรับรู้มา แต่ถ้าเราได้รับข่าวสารมาจากทางอีเมล หรือมีใครมาเล่าให้เราฟังโดยตรง กว่าเราจะส่งต่อได้ ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว เพราะกว่าจะเปิดอีเมล หาอีเมลเพื่อน แล้วกด Forward ต่อ ถ้าเป็นการเล่ามาให้เราฟัง กว่าจะเรียบเรียงไปให้เพื่อนอีกคนฟัง ต้องดุด้วยว่าเพื่อนเราพร้อมฟังหรือเปล่าในเวลานั้นๆ แต่ทุกวันนี้เรามีตัวช่วยที่ทำให้เรื่องที่เล่าไปเมื่อสักครู่นี้ จบขั้นตอนได้เดียงปุ่มเดียว นั่นคือ ปุ่ม Share นั่นเอง ถ้าเราเจอสิ่งดีดีมา เพียงกดครั้งเดียว ก็มาปรากฏบนหน้า Timeline ของเรา เท่านี้สิ่งที่เราอยากบอกต่อ หรือเล่าต่อก็ถึงเพื่อนๆ เราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Social Network ต่างๆ ทั้ง Facebook, Twitter, Instagram, Youtube ต่างก็มีปุ่มให้กดอย่างสบายนิ้วเลยทีเดียว
.
.
ในมุมมองนักการตลาดเอง ในเมื่อกระบวนการส่งต่อมันแสนง่ายแบบนี้ ตัวเราเองก็ต้องออกแบบสื่อ Viral ให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย และส่งต่อได้ง่ายๆ ด้วยเช่นกัน หรือถ้าเราใช้ข้อมูลบนเว็บไซด์เป็นสื่อส่งต่อในเว็บเองก็ต้องมีปุ่ม Share ไปยัง Social Media ได้ง่ายๆ เช่นกัน พอเรารู้แนวทางแบบนี้แล้ว สิ่งที่ตามมาทันทีแบบไม่ต้องขอก็จะให้ คือรายละเอียดการใช้แต่ละรูปแบบต่างๆ ของสื่อออนไลน์ และเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องระวัง ห้ามขาดห้ามเกินและข้อจำกัดด้วย เช่น ขนาดรูปไม่เกินเท่าไร คลิปที่ใช้ส่งต่อก็ไม่ควรยาวเป็นชั่วโมง ฯลฯ ไม่งั้นการส่งต่อครั้งนี้อาจแป็กได้นะครับ

.
.
Step 3 “Make a feeling” อย่าแห้งเหือดแบบไร้อารมณ์

.
.
ในข้อนี้สิ่งที่คุณต้องดู ผมว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนสุดๆ นั่นคือการใส่ความรู้สึกลงไปในสื่อ Viral ของคุณด้วย ก่อนอื่นผมไม่ได้บอกว่าการทำอะไรทื่อๆ ไม่มีอารมณ์แล้ว จะไม่ดีนะครับ แต่สิ่งที่อยากจะนำพามาให้คิดตามก็คือ เวลาเราอินจัด หรือเข้าไปถึงเรื่องอะไรแบบก้นบึ้งของหัวใจแล้ว เราจะคล้อยตาม หรือนึกเสมือนว่าเราเป็นตัวละครนั้นๆ ลงไปในสิ่งที่เห็นหรือดูอยู่ ก็คงไม่ต่างกับเวลาดูซีรี่ส์เกาหลี ที่พระเอกนางเอกเจอบทแสดงความรู้สึกแรงๆ เราดูไปเราก็รู้สึกร่วมจิกหมอนไปด้วย หรือเจอบทพรากจากกัน ที่ตัวละครร้องไห้ชุดใหญ่ เราก็บางครั้งพลอยต้องเช้ดน้ำตาตามไปด้วยนั่นเอง
.
.
มุมมองของข้อนี้ ผมอยากจะเน้นย้ำว่า ถ้าเราใส่เรื่องอารมณ์ลงไปจะดูน่าสนใจมากขึ้น เช่น Viral ของเราอาจจะเน้นตลกขำขัน ดูแล้วอารมณ์ดียิ้มตลอดวัน หรือต้องการให้ลงไปถึง จุดก้นบึ้งของหัวใจ อาจจะต้องหาเรื่องที่สะเทือนใจ หรือเปิดต่อมน้ำตาได้ หรือแม้แต่การหักมุมจบในอีกมุมกลับที่ผู้ชมไม่คาดคิด ลองเติมสิ่งเหล่านี้เข้าไป จากสิ่งที่ดูธรรมดา อาจจะกลายเป็นไม่ธรรมดาได้ในพริบตานะครับ ไม่เชื่อลองดูว่าคลิปต่างๆ หรือเรื่องราวที่ได้ส่งต่อมา ส่วนใหญ่จะมีเรื่องอารมณ์ร่วมของคน เข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องนั้นๆ ด้วยเสมอครับ
.
.
วันนี้ได้อ่านไปอีก 2 Step แล้ว ตอนนี้เท่ากับคุณได้รู้วิธีการเตรียมทำ Viral Marketing มา 3 ข้อแล้ว ในตอนถัดไป ผมจะมาต่อกับ 2 ข้อสุดท้าย ที่เกี่ยวกับการทำให้ Viral ดึงคนเข้าไปมีส่วนร่วมได้ และการปล่อย Viral ออกสู่สนามการตลาดครั้งนี้ อย่าลืมมาติดตามกันต่อตอนหน้านะครับ
.
.
เพื่อนๆ ติดตาม ‪#‎การตลาด3ช่า‬ ทาง LINE@ ได้ง่ายๆ โดยกด Add จากมือถือของคุณผู้อ่านที่น่ารัก ที่ลิงค์ได้เลยครับ http://line.me/ti/p/%40marketing3cha ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/Marketing3Cha/posts/560956487409652:0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น