วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

รู้ 3 ข้อนี้ก่อน ค่อยเปิดขายของออนไลน์ ภาค 3

จาก 2 ตอนที่ผ่านมาคุณๆ ได้รู้จักถึง 2 ส่วนแรกของการทำการช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว นั่นคือ Online Trend และ Online Marketplace ผมรู้แล้วว่าคุณอยากรู้ส่วนสุดท้ายแล้ว งั้นมาเริ่มกันดีกว่าครับ

วันนี้มาต่อส่วนที่ 3 กันเลย ก็คือกระบวนการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั่นเองครับ การทำให้ร้านของเรา หรือสินค้าของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เข้าไปถึงกลุ่มคนที่เราคาดการณ์เอาไว้ได้ในเวลาระยะเวลาอันสั้นกระจิดริด รวดเร็วสุดสุด วิธีที่น่าสนใจสำหรับแนวทางที่อยากจะไป ก็คงหนีไม่พ้นการทำการตลาดในโลกออนไลน์นั่นเอง คำถามที่จะตามมาแบบทันทีในหัวของทุกคนก็คือ แล้วเจ้า Online Marketing ที่เขาทำกันเยอะแยะตาแปะไก่เนี่ย ทำที่ไหน และทำยังไงล่ะ วันนี้ผมรวบตึงมาให้ 8 วิธีครับ มาลองดูกัน

วิธีที่ 1 ฝาก Banner กับที่ต่างๆ ขึ้นชื่อมาแนวโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจช่วงเทศกาลหยุดยาวยังไงก็ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วคนละเรื่องกันครับ #การตลาด3ช่า ขอเรียกวิธีนี้ว่า "แปะป้ายโฆษณาบนโลกอินเตอร์เน็ต" หรือถ้าใครยังคิดภาพตามไม่ออก ให้นึกเวลาดูรายการทีวีแล้วเป็นช่วงลุ้นเปิดป้าย แล้วสารพัดป้ายยี่ห้อต่างๆ มาโผล่ให้เราเห็นนั่นเอง การทำโฆษณา Banner ลักษณะนี้จะไปอยู่ตามเว็บต่างๆ ที่มีโครงสร้างเปิดพื้นที่ให้เอาป้ายโฆษณาสินค้าและบริการต่างๆ มาลงได้ โดยมีการเก็บค่าลงพื้นที่มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่จำนวนคนที่เขข้ามาดูเว็บนั้นๆ และตำแหน่งที่คุณจะเอาป้ายไปวางไว้

วิธีที่ 2 การทำ Blog หรือ Website ขึ้นมา เราสร้างบ้านของเราขึ้นมา เพื่อให้คนที่สนใจที่ได้เข้ามาอ่านสามารถเห็นข้อมูลต่างๆ ได้ครบถ้วน พร้อมกันสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นได้ด้วย ในที่สุดคุณอาจจะสร้างกลุ่มคนที่ชอบผลิตภัณฑ์ของคุณขึ้นมาในเว็บนี้ก็เป็นได้ เรียกว่ากระบวนท่านี้เป็นที่ปล่อยของได้แบบเต็มๆ ไม่ต้องกั๊กเลยครับ เพียงแต่ว่าคุณต้องให้ข้อมูลที่ผู้สนใจอยากอ่าน เพื่อใช้ตัดสินใจในการซื้อสินค้าของคุณ อีกอย่างที่อยากให้ทำ

วิธีที่ 3 การส่ง SMS อีกหนึ่งวิธีสุดฮิตที่นิยมทำกันมากๆ คือการส่งข่าวสารผ่านทาง SMS แนวทางนี้ไม่ยากครับ แต่ขอให้คุณมีเบอร์มือถือของกลุ่มเป้าหมายของร้านค้าคุณเท่านั้นเอง แต่ช้าก่อนอุปสรรคของวิธีนี้ก็มีอยู่ 2 เรื่อง คือ เดี๋ยวนี้ผู้ให้บริการมือถือมีสั่ง Block SMS ประเภทแนวรบกวนมารักกัน เอ๊ย!!! รบกวนหรือก่อกวนผู้ใช้มือถือได้ และอีกเรื่องการส่ง SMS มีข้อจำกัดของตัวอักษร ดังนั้นแล้วต้องสื่อสารให้สั้นและกระชับเพื่อความเข้าใจด้วยนะครับ



วิธีที่ 4 Social Network สังคมออนไลน์สามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลาย การทำโฆษณาลักษณะนี้นิยมใช้ในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา อิทธิพลของสื่อนี้จะทำให้เกิดการบอกต่อกันปากต่อปากของคนที่ได้เห็น หรือเรียกว่า Viral Marketing นั่นเอง

วิธีที่ 5 การสร้าง Clip ที่น่าสนใจ ไม่ใช่ Clip แนวไม่พึงปรารถนานะครับ สิ่งที่เราสร้างขึ้นมานี้มีจุดประสงค์ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของร้านค้าเรา หรือยี่ห้อของเรา รวมไปถึงสินค้าของเราออกมาน่าสนใจนะครับ ดังนนั้นอีกหนึ่งวิธีในการสื่อสารนอกจากจะสื่อสารเป็นตัวหนังสือย่างเดียว การทำออกมาเป็นสื่อผสมระหว่างภาพและเสียงก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางน่าสนใจเช่นกันครับ โดยคุณอาจจะเอา Clip ไปฝากไว้ที่ Youtube แล้วเอา Link ไปไว้ในเว็บของคุณ หรือ Social Network ของคุณได้ด้วย

วิธีที่ 6 การทำ SEO (Search Engine Optimization) อธิบายสั้นๆว่า เวลาเราไปหาอะไรในพี่ Google แล้ว ขอให้สิ่งที่ลูกค้าเห็นจากการค้นหาในหน้าแรกเป็นของเรานั่นเอง ย้ำว่าหน้าแรกนะครับ ไม่ใช่เห็นเราในหน้าที่ 2 เป็นต้นไป ทำไมถึงบอกแบบนั้นล่ะ คิดง่ายๆ ครับ เวลาคุณเองเกิดอยากหาอะไรใน Google แล้ว คุณเคยคลิกไปหน้าที่ 2 บ้างกันหรือเปล่า นั่นแหละครับ พฤติกรรมแบบนี้คนอื่นก็เป็นเหมือนกันครับ ฉะนั้นอยู่ในหน้าแรกได้เปรียบกว่าครับ แต่กระบวนการจะได้มากับเจ้าสิ่งนี้ บอกได้เลยว่าค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเเงื่อนเฉือนอารมณ์ยิ่งกว่าซีรี่ส์เกาหลีอีก เพราะท่านพี่ Google ก็มีความขยันหมั่นเพียรในการเปลี่ยนกติกาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นอาจจะต้องจับตามองแบบทุกระยะเลยครับ



วิธีที่ 7 Google Adwords จัดอยู่ในรูปแบบของ Pay Per Click (เรียกสั้นๆ ว่า PPC) คือจ่ายเงินเมื่อมีการคลิกเข้าไปดูโฆษณาของคุณเท่านั้น วิธีนี้ดีตรงที่ทำให้เรารู้ว่าคนที่คลิกเข้าไปเป็นคนที่สนใจสินค้าหรือบริการของเราแน่นอน ถึงจะอ่านข้อความโฆษณาของเราแล้วคลิกไปดูโฆษณาที่จะขึ้นอยู่บริเวณด้านขวา หรือใต้กล่องข้อความที่ค้นหา ในหน้าผลการค้นหาของ Google สิ่งที่ประเสริฐเลิศล้ำของกระบวนท่านี้ คือ ทำได้เองโดยใช้เวลาไม่นาน สามารถกำหนดรูปแบบบให้เห็นเฉพาะพื้นที่ หรือกำหนดเวลาแสดงผลได้ และถ้าไม่มีคนคลิกก็ไม่ต้องเสียเงินครับ

และวิธีสุดท้ายลำดับที่ 8 การทำ Line@ หรือ Line Official Account อีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ที่มาแรงแหวกทุกโค้งมาเลยครับในขณะนี้ เนื่องจาก Line@ ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานการ Chat คุยกันของ Line ที่คนไทยใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ความพิเศษที่มากกว่าการเป็น Line ธรรมดา ผมลองนำมาเสนอแค่บางส่วนให้เห็นภาพกันนะครับ เช่น สร้างคูปองให้กับคนที่ติดตามผลิตภัณฑ์ของเรา เก็บแบบสอบถามความต้องเพื่อรู้ความต้องการของลูกค้าเราได้ ตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติเวลามีคนส่งมาตรงกับ Keyword ที่เราวางไว้ และสามารถส่งข้อความครั้งเดียวให้กับทุกคนได้เลยจ้า ตอนนี้มีแบบใช้ฟรี และเสียสตางค์ แต่แน่นอนครับของฟรีก็มีข้อจำกัดในบางอย่าง ลองมองทางเลือกนี้ไว้เป็นอีกแนวทางแล้วกันนะครับ

ก่อนจากไปจากตอนไตรภาคเกี่ยวกับ Online Shopping นี้ ผมขอบอกก่อนนะครับว่า ไม่ได้ให้คุณทำทั้ง 8 กระบวนท่าครบถ้วนที่บอกกันมาในตอนนี้ จริงๆ ยังมีอีกหลายวิธีที่ไม่ได้ยกมาเล่าสู่กันฟัง คุณเองเท่านั้นที่เป็นคนตัดสินว่าชอบวิธีการไหน หรือทำอะไรคู่ควบรวบกับอะไรบ้าง เพื่อให้ตอบเป้าหมายทางการตลาดที่สูงสุดของร้านค้าคุณนั่นเอง 

ท้ายสุดนี้ ผมขออวยพรให้ทุกท่านที่อยากจะลองดำเนินการหารายได้หลัก หรือรายได้เสริมจากผ่านการขายของออนไลน์ โชคดีมีรายได้กันตลอดเวลา เฮงๆ รวยๆ นะครับ

ขอบคุณรูปภาพจาก Google ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น